9 องค์ประกอบที่ผู้เล่นผิดหวังใน Mortal Kombat 1

Mortal Kombat 1 วางจำหน่ายแล้วบน Xbox Series X/S, PS5, PC และ Nintendo Switch ได้รับการยกย่องมากมายในหลาย ๆ กลไกของเกมไม่ว่าจะเป็นกราฟิกของเกมที่สวยงาม, ระบบ Kameo Fighter, โหมดเนื้อเรื่องและการต่อสู้โดยรวมที่ยอดเยี่ยมเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อบกพร่องที่สำคัญบางประการทำให้โดยรวมแล้วเกมนี้เป็นเกมที่ดี แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบ

ในวันนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลมาจากเว็บไซต์ gamingbolt ในหัวข้อ 9 องค์ประกอบที่ผู้เล่นผิดหวังใน Mortal Kombat 1 มาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ

1. ไม่มีการโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมอย่างที่เคยมี

Mortal Kombat 1 เป็นเกมที่ได้รับคำชื่นชมทั้งในแง่ของโมเดลตัวละคร คัทซีน อนิเมชั่น รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่มีกลางวันกลางคืนให้ได้ใช้งาน อย่างไรก็ตามผู้เล่นกลับไม่สามารถโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมได้เหมือนเกมภาคก่อน ๆ เช่น หยิบวัตถุจากฉากมาโจมตีคู่ต่อสู้ หรือใช้ท่า Fatalities ด้วยสิ่งที่มีอยู่ในฉาก (Stage Fatality) ซึ่งถือเป็นการขาดหายไปที่น่าผิดหวัง เนื่องจากฟีเจอร์นี้เป็นจุดขายของเกม Mortal Kombat ก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้เล่นก็คาดหวังว่าในเกมภาคใหม่ ๆ จะมีการตอบโต้กับสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น แต่กลับหายไปซะอย่างนั้น ทำเอาแฟนเกมเซ็งไปตาม ๆ กัน

2. ไม่มีหน้าจอโชว์รูปแบบการโจมตีในบทสอนเล่นตัวละคร

เกม Mortal Kombat XI มีโหมดฝึกฝนที่มีฟีเจอร์มากมาย เช่น การโชว์รูปแบบการโจมตีบนหน้าจอเพื่อใช้ในการฝึกฝน และการแนะนำตัวละครเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนักสู้แต่ละคน เพื่อให้ผู้เล่นสามารถใช้งานพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ น่าเสียดายที่เกม Mortal Kombat 1 ไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้ ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังเป็นพิเศษ ทำให้เกมนี้มีโหมดฝึกฝนที่เรียบง่ายกว่าเกม Mortal Kombat XI อยู่ไม่น้อย

3. ไม่มีคำพูดเบิกโรงตอนเปิดตัวใน Towers

คำพูดเบิกโรง (หรือบทสนทนาก่อนการต่อสู้) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของ Mortal Kombat ในยุคปัจจุบัน แต่กลับไม่มีในโหมด Towers ไปซะอย่างนั้น ทำให้ผู้เล่นที่เล่นแบบออฟไลน์พลาดการชมคำพูดเบิกโรงที่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก อีกทั้งการที่ไม่มีบทสนทนาเหล่านี้ถือว่าน่าผิดหวังสุด ๆ เพราะทีมพัฒนาได้ลงทุนสร้างบทสนทนาที่มีเสียงพากย์ที่ดีเยี่ยมเอาไว้แต่กลับไม่ใช้ในโหมดนี้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าทำไม NetherRealm Studios จึงเลือกที่จะไม่ใส่ระบบนี้เข้ามาใน Klassic Towers

4. ไม่มีการปรับแต่งตัวละครในหน้าเลือกนักสู้

Quality of Life อีกอย่างหนึ่งที่ขาดหายไปคือการปรับแต่งตัวละครของคุณจากหน้าจอการเลือกนักสู้ โดยปกติแล้วผู้เล่นสามารถเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย สี หรืออุปกรณ์ ซึ่งคุณสามารถทำได้จากหน้าจอเลือกตัวละครเลย อย่างไรก็ตาม ในเกมล่าสุดนี้ผู้เล่นจะต้องกลับไปที่หน้าจอปรับแต่ง เปิดขึ้นมา เปลี่ยนสิ่งของให้เรียบร้อย จากนั้นเข้าคิวใหม่เพื่อเข้าแข่งขัน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้ถือว่าวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทำเอาผู้เล่นเซ็งไม่น้อย

5. Fatal Blows และ Fatalities ถูกล็อคไว้ที่ 30 FPS

ประสิทธิภาพของ Mortal Kombat 1 จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม ซึ่ง Xbox Series X/S และ PS5 เป็นเกมเวอร์ชั่นที่เล่นได้ราบรื่นที่สุด โดยสามารถเล่นได้ถึง 60 เฟรมต่อวินาที ในขณะที่พีซีมีปัญหากระตุกบ้าง แต่ก็ถือว่าเล่นได้ดีขึ้นระดับหนึ่งเมื่อเปิดใช้งาน DLAA และ DLSS ส่วนเกมเวอร์ชั่น Switch นั้นสามารถเล่นได้ใน 60 เฟรมต่อวินาที แต่กลับกลายเป็นว่า Fatal Blows และ Fatalities บน Switch กลับถูกจำกัดไว้ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก ๆ กับการสลับสายตาให้เข้ากับการเล่นเกม 60 FPS และ 30 FPS ไปเรื่อย ๆ ซึ่งผู้พัฒนาเกมควรจะคงที่ไว้ที่ 60 FPS จะดีกว่า

6คำพูดจาก คาสิโนออนไลน์ที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย . โหมดInvasion และ Seasonal Tower

โหมด Invasion เป็นโหมดที่ให้ผู้เล่นต่อสู้กับศัตรูจากมิติอื่น ซึ่งจะมาในรูปลักษณ์และความสามารถที่แตกต่างกัน ผู้เล่นจะได้รับรางวัลมากมาย, เพิ่มเลเวลตัวละคร และเล่นมินิเกม อย่างไรก็ตาม โหมดนี้กลับกลายเป็นความซ้ำซากและขาดความหลากหลาย อีกทั้งการปรับแต่งศัตรูภายในโหมดนี้ยังสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้เล่นไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเกราะที่มากเกินไปของศัตรูและอันตรายที่ขัดจังหวะคอมโบ หลาย ๆ Talismans ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก และศัตรูก็ท้าทายน้อยลงหลังจากจบโหมดเนื้อเรื่อง ในขณะเดียวกัน บอสประจำ Season of the Spectre อย่าง Hellfire Scorpion ก็ค่อนข้างง่าย ทำให้การต่อสู้นี้ไม่น่าจดจำเท่าไหร่

นอกจากนี้ Seasonal Tower ใน Gateway Mesa ยังเป็นการไต่หอคอยที่ทรหดผ่านชั้นที่ยาก 18 ชั้น โดยมีการท้าทายที่ยากมากในตอนท้าย หากพลาดท่าผู้เล่นจะต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้น อย่างไรก็ตามสกินที่ได้จากการเคลียร์หอคอยนี้กลับมีขายในร้านค้าโดยใช้ Seasonal Kredits ซึ่งหาได้ง่ายดาย และถ้าผู้เล่นเคลียร์หอคอยนี้หลังจากนั้น ก็จะไม่ได้รับรางวัลอะไรอีกซะอย่างนั้น

7. The Krypt หายไปแล้ว

The Krypt ในเกม Mortal Kombat XI เป็นโหมดที่ให้ผู้เล่นสำรวจสภาพแวดล้อมของ Mortal Kombat แบบ 3 มิติเต็มรูปแบบ ซึ่งมีทั้งความลับ อ้างอิง และกลไกต่าง ๆ ภายในเกม เช่น การใช้ค้อนของ Shao Kahn หรือผ้าปิดตาของ Kenshi การค้นหาหีบสมบัติต่าง ๆ ยังเป็นกิจกรรมเสริมที่สนุกสนาน และผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ น่าเสียดายที่โหมดนี้หายไปแล้วใน Mortal Kombat 1คำพูดจาก เว็บเดิมพันออนไลน์

8. บอสตัวสุดท้ายในโหมด Story

การต่อสู้กับลาสบอสนั้นส่วนใหญ่จะขึ้นชื่อเรื่องความโหดหิน และความท้าทาย แต่การต่อสู้กับบอสกับ Shang Tsung นั้นง่ายเกินไป ทำให้การต่อสู้ตัดสินครั้งสุดท้ายเพื่อชะตากรรมของทุกสิ่งนั้นดูเหี่ยวเฉาเหลือเกิน

9. เกมเวอร์ชั่น Nintendo Switch

มาถึงจุดสุดท้ายที่ต้องพูดถึงก็คือเกมเวอร์ชั่น Nintendo Switch ที่มีปัญหามากกว่าชาวบ้าน โดยเฉพาะกราฟิกภายในเกมที่ชวนให้นึกถึงเกม PS2 ที่แย่มาก ๆ ทำให้แฟนเกมผิดหวังเป็นอย่างมาก ซึ่งเราก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าทางผู้อำนวยการพัฒนาเกมนี้จะแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุดเมื่อไหร่

ทั้งหมดนี้คือ 9 องค์ประกอบที่ผู้เล่นผิดหวังใน Mortal Kombat 1 หากผู้อ่านคนใดมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ก็สามารถคอมเมนต์บอกกันได้เลยครับ

ที่มา :gamingbolt

Mortal Kombat 1

Related Posts